โฟร์ฟูดส์ รุกตลาด ปี 67 ตอกย้ำผู้นำตลาดผงปรุงรส ขยายคลังสินค้าควบคุมต้นทุนในภาวะราคาวัตถุดิบสูงขึ้น
"โฟร์ ฟูดส์" เปิดแผนรุกตลาด ปี 67 ทุ่มทุนกว่า 40 ล้านบาทขยายคลังสินค้า ควบคุมต้นทุนในภาวะวัตถุดิบที่สูงขึ้น ตอกย้ำผู้นำตลาดผงปรุงรส ส่ง "ไทเชฟ" ครองใจมหาชนชาวตลาดนัด พร้อมเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในปีนี้ อาทิ ผง "แจ่วบอง" และ ประเภท Filling หรือ Topping ที่เติมเต็มบนขนมและไอศกรีม ยืนยันคุณภาพมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยทางอาหาร
นายสมเจตน์ ปัญจวัฒนางกูร กรรมการผู้จัดการบริษัท โฟร์ ฟูดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทเชฟ (Thychef) และกู้ดอะเดย์ (GOOD A DAY) เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่า ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจอยู่ในภาวะทรง ๆ ยอดขายของบริษัทฯ ยังคงรักษาระดับไว้ได้ แต่เราก็พยายามใช้งบประโฆษณาประชาสัมพันธ์เข้ามาช่วยสนับสนุนด้านการตลาด ตอกย้ำคุณภาพมาตรฐานที่ยึดมั่นมาโดยตลอด และพยายามรักษาระดับราคาเอาไว้ ในภาวะที่ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ในด้านการบริหารต้นทุนจุดหนึ่งที่กำลังดำเนินการคือ เรื่องของ Warehouse หรือ คลังสินค้า เพื่อตัดต้นทุนดำเนินการที่สูงเกินไป จึงได้ขยายพื้นที่เพื่อรองรับในภาวะที่ต้นทุนอาจเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยเน้นให้โรงงานสะอาด มีความทันสมัย เนื่องจากโฟร์ ฟูดส์ มีวัตถุดิบกว่า 2,000 ชนิด อาทิ เกลือ น้ำตาล ผงชูรส สารให้ความหวาน ฯลฯ รองรับการเติบโตของธุรกิจนี้
"การขยายคลังสินค้าทั้ง 4 ชั้น ได้วางงบการลงทุนไว้กว่า 40 ล้านบาท โดยสร้างเพิ่มเติมในพื้นที่ของบริษัทที่มีทั้งหมดประมาณ 4 ไร่ คาดว่าจะเปิดใช้พื้นที่ประมาณกลางปีนี้ การขยายคลังสินค้าก็เพื่อเก็บกักรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน รวมถึงจัดการเรื่องสต็อคสินค้า การขนส่ง รองรับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยตรึงราคาไว้เต็มที่ หากไม่มีปัจจัยเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เข้ามาแทรก เช่น ค่าแรง ค่าไฟ ค่าขนส่ง เป็นต้น และในปีนี้บริษัทฯ จะมีสินค้าใหม่ ๆ ออกมา เช่น แจ่วบอง และจะมีสินค้า ประเภท Filling หรือ Topping ที่เติมเต็มบนขนมและไอศกรีมต่าง ๆ ซึ่งรวม ๆ ขณะนี้ ไทเชฟมีผงโรย ผงชงเครื่องดื่ม ผงหมัก ผงปรุงรสทั้งหมด 37 รสชาติ" นายสมเจตน์ กล่าว
ส่วนแผนการดำเนินหลักที่มุ่งเน้น คือสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น พยายามดูแลลูกค้าใน 2 ส่วนคือส่วนของ ไทเชฟ (Thychef) ที่เป็นลูกค้าทั่วไป และกู้ดอะเดย์ (GOOD A DAY) กลุ่มลูกค้าระดับบนที่เน้นสุขภาพเป็นสำคัญ
จุดเด่นของสินค้า โฟร์ ฟูดส์ คือการคัดสรรวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ เพราะต้องส่งออกไปยังต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่การตรวจสอบที่เข้มงวด โดยมีทีม R&D ที่เข้าดูแลในส่วนของการลงพื้นที่สำรวจความต้องการของตลาด และต้องใช้เวลากว่า 6 เดือนในการตรวจสอบรสชาติ และถ้าพูดถึง ตลาดผงโรย ด้วยกันแล้ว ต้องถือว่า ไทเชฟ เป็นผู้นำในตลาดในธุรกิจผงโรยปรุงรส
"เราให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหาร โดยก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต พนักงานต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสุขลักษณะส่วนบุคคล เพื่อให้มั่นใจในเรื่องของความสะอาด และป้องกันสิ่งแปลกปลอม ซึ่งใส่ใจตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การตรวจสอบวัตถุดิบก่อนนำเข้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่า ได้รับวัตถุดิบที่ดีที่สุด เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้" นายสมเจตน์ กล่าวเสริม
นอกจากนั้น ยังมีการแบ่งพื้นที่การจัดเก็บวัตถุดิบอย่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยทางด้านอาหารและลดการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์ ในส่วนของกระบวนการผลิต อีกทั้ง บริษัทฯยัง ใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต และหลังจากกระบวนการผลิตก็มีการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์โดย QC เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าได้รับสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ ตรงตามมาตรฐานที่วางไว้อย่างแน่นอน
ส่วนแผนการขยายตลาดในต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศอาเซียน AEC ได้ขยายตลาดไประดับหนึ่งแล้ว โดยประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่แนวโน้มที่ดี เพราะเข้าถึงข่าวสารผ่านช่องทีวีเราได้ และในปีนี้จะเข้าไปทำตลาดในประเทศจีน ส่วนตลาดตะวันออกกลาง ยุโรป เริ่มมีการนำสินค้าไปออกบูทบ้างแล้ว
"แนวโน้มของธุรกิจผงปรุงรสผมเชื่อว่า สินค้าที่เป็นอาหารการกิน ยังไงก็ขายได้มาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ตลาดนัด ย่านต่าง ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา แม้แต่ในหมู่บ้านก็มีไลน์กลุ่มขายของกัน ทุก ๆ คนที่พอมีเวลาสามารถหารายได้ผ่านสินค้าไทเชฟได้ในแบบง่าย ๆ เพียงแค่ฉีกซอง โรย ใส่ในเมนูอาหาร ก็สร้างมูลค่าและเสน่ห์ให้เมนูมีรสชาติที่แตกต่าง ซึ่งเราเองพยายามเจาะตลาดกลุ่มนี้ โดยช่องทางจำหน่ายหลักจะอยู่ในบิ๊กซี หรือร้านค้าใหม่ในชุมชน รวมถึงร้านจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วประเทศ" นายสมเจตน์ กล่าวทิ้งท้าย
โฟร์ ฟูดส์ เป็นโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล และในปัจจุบันมีการอัพเดตระบบมาตรฐานต่าง ๆ ให้เป็นเวอร์ชั่นที่สูงขึ้น ทันสมัยมากขึ้น เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมาตรฐานทั้งหมดเป็นมาตรฐานเดิม แต่มีการเปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นที่ละเอียดมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น FSSC 22000 จะมีเวอร์ชั่นที่สูงขึ้น คือ ข้อมูลจะเข้มข้นขึ้น โรงงานสีเขียวเป็นโรงงานสีเขียวที่อัพเกรดขึ้น หรือข้อมูล Sedex ที่เกี่ยวกับแรงงาน สิ่งแวดล้อม เรื่องของความปลอดภัยก็อัพเกรดขึ้น หรือโรงงานที่ได้ GMP ในก่อนหน้า ปัจจุบันจะเรียกเป็น GHP ซึ่งจะมีเงื่อนไขมากขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบันบริษัทได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากลจาก GHP, HACCP, FSSC 22000, Sedex และยังได้รับการรับรองโรงงานสีเขียว Green Industry จากกระทรวงอุตสาหกรรม รวมถึงได้รับการรับรองเครื่องหมาย Halal จึงทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตได้คุณภาพสอดคล้องกับสุขลักษณะและความปลอดภัยในอาหารตามมาตรฐานสากล